ทีมไหนจะเป็น แชมป์พรีเมียร์ลีก 2024 ไม่แน่อาจเป็น ลิเวอร์พูล

แชมป์พรีเมียร์ลีก

ถึงเวลาเปลี่ยนจ่าฝูง แชมป์พรีเมียร์ลีก เมื่อ แมนซิตี้ กับ อาร์เซน่อล กินกันไม่ลง จบสกอร์ไปที่ 0-0 ในศึกสำคัญที่ เอติฮัด สเตอเดี้ยม เมื่อวันอาทิตย์ที่ 31 มีนาคม ที่ผ่านมา ส่งผลให้ ทีมอาร์เซน่อล หล่นจากตำแหน่งจ่าฝูง โดยมี ลิเวอร์พูล แซงนำหน้า 2 คะแนน ซึ่งความว่า ลิเวอร์พูล มีโอกาสคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสูงกว่าทั้ง ทีมเรือใบสีฟ้า และ ทีมท็อปกัน อย่างไม่ต้องสงสัย ดูบอลสด

5 ประเด็น ที่คาดว่า ลิเวอร์พูลจะเป็น แชมป์พรีเมียร์ลีก 2024

1. แมนซิตี้ปรับทัพสองตำแหน่ง เปลี่ยนตัวจริงลงเล่นบิ๊กแมตซ์ พรีเมียร์ลีก นัดนี้สองรายเมื่อเทียบกับเกม เอฟเอคัพ รอบแปดทีมนัดเปิดบ้าน สยบ นิวคาสเซิ่ล ไปที่ 2-0 เป๊บ กวาร์ดิโอล่า นายใหญ่ เรือใบสีฟ้า ขาด ไคล์ วอล์คเกอร์ แบ็คขวาคนสำคัญ ที่บาดเจ็บมาจากการลงเล่นให้ทีมชาติ อังกฤษ และถูกแทนที่โดย นาธาน อาเก้ ส่วนอีกตำแหน่ง เควิน เดอ บรอยน์ ถูกส่งลงเล่นเป็นตัวจริงโดยที่ เฌเรมี่ โดกู หลุดไปนั่งข้างสนาม

2. อาร์เซน่อล ชุดเดิม สลับแค่ตัวรุกตำแหน่งเดียว มิเกล อาร์เตต้า ได้เปลี่ยนผู้เล่นตำแหน่งเดียวจากเกม แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีมนัดสองที่เปิดบ้านเฉือนชนะ เอฟซี ปอร์โต้ ไปที่ 1-0 ด้านสแปนิชตัดสินใจให้ กาเบรียล เชซุส อดีตดาวเตะ แมนซิตี้ ให้ลงเล่นแทน เลอันโดร ทรอสซาร์ ซึ่งได้นั่งอยู่ข้างสนาม ขณะเดียวกัน เดอะ กันเนอร์ส มี บูคาโย่ ซาก้า ออกสตาร์ตด้วย แม้จะบาดเจ็บ และถอนตัวจากการลงเล่นให้ อังกฤษ ในเกมอุ่นแข้งสองนัด โดยเจ้าตัวลงบเป็นตัวจริงให้ต้นสังกัดในเกมลีกเป็นนัดที่ 150 พอดี  ขณะที่ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ กองหน้าแซมบ้ามีชื่อเป็นตัวสำรอง

3. ครึ่งแรกกร่อย ครึ่งหลังเสียววู้บ ในศึกบิ๊กแมตซ์ครึ่งแรกที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม เป็นไปอย่างตึงเครียด เพราะแต่ละทีมก็มีมาตรฐานเกใที่ไม่ต่างกันมากจึงทำอะไรกันไม่ค่อยได้ แม้แมนซิตี้ จะมีโอกาสครองบอลได้มากกว่า ถึง 78:28% แต่อาร์เซน่อลเองก็ไม่ได้เป็นรอง สำหรับโอกาสลุ้นยิงประตูถึง 4 ครั้ง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เมื่อทั้งสองทีมตามทันกันตลอด นอกจากเกมที่เป็นไปอย่างตึงเครียดแล้ว กวาร์ดิโอล่า กุนซือแมนซิตี้ น่าจะต้องเครียดกว่าเดิม เพราะต้องเปลี่ยน นาธาน อาเก้ ออกจากสนามตั้งแต่ครึ่งแรก เพราะได้รับบาดเจ็บ และต้องส่ง ริโก้ ลูอิส ลงเล่นแทน ด้วยเหตุนี้ แมนซิตี้ จึงเจอกับความยุ่งเหยิงเพิ่มขึ้นในช่วงโค้งสุดท้าย เมื่อต้องเสีย วอล์คเกอร์ ไปก่อน แถว สโตนส์ ก็มีปัญหาในเรื่องความฟิต และอาเก้ มาเจ็บเพิ่มอีกคน จึงทำให้ทีมน่าเป็นกังวลในช่วงที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม

อย่างไรก็ดี แม้ในครึ่งแรกจะไม่มีอะไรให้พูดถึงสักเท่าไหร่ แต่ครึ่งหลัง ความสนุกเร้าใจก็เพิ่มมากขึ้นตามลำดับ เมื่อเจ้าบ้านเน้นเดินเกมรุกเต็มกำลัง และครองบอลบุกอย่างหนัก แต่อาร์เซน่อลก็ตั้งรับได้อย่างแน่นหนา ไม่เปิดโอกาสให้แมนซิตี้ ได้ยิงง่ายๆ และยังหาโอกาสเล่นเกมโต้กลับได้เช่นกัน จึงทำให้เกมเป็นไปอย่างน่าลุ้นตลอด เวลาทีมไหนจะทำสกอร์ได้ แต่สุดท้ายก็ปรากฏว่าไม่มีทีมไหนล้มกันได้ลง และเสมอ 0:0 กันไป ซึ่งผลลัพธ์ก็เข้าทาง ลิเวอร์พูลเต็ม ๆ แม้แมนซิตี้จะมีสถิติครองบอลได้เหนือกว่า แต่ก็แทบไม่เกิดประโยชน์อะไรในเมื่อพวกเขาส่งบอลเข้ากรอบไปได้แค่รอบเดียว จากโอกาสยิงถึง 12 ครั้ง ในขณะที่ อาร์เซน่อล ได้ลุ้นยิงประตูถึง 6 ครั้ง และส่งบอลเข้ากรอบได้มากกว่า 2 ครั้ง

4. ฮาลันด์ ฟอร์มทรุดแบบกู่ไม่กลับ แม้จะยังเป็นดาวของศึก พรีเมียร์ลีก ซีซันนี้ ด้วยผลงานจำนวน 18 ประตูจากการลงแข่ง 23 นัด แต่มันชัดเจนว่า ฮาลันด์ จอมถล่มประตูที่มีส่วนสำคัญพา แมนซิตี้ คว้าทริปเปิ้ล แชมป์พรีเมียร์ลีก เมื่อซีซั่นก่อน แต่ฟอร์มของฮาลันด์ ก็ตกอย่างแรงและยังกู่ไม่กลับ จากผลงานของเขาในเกมดวลกับ อาร์เซน่อล ที่ไม่เพียงจะเป็นเกมที่ยิงประตูไม่ได้แล้ว แต่ยังได้ร่ายลีลาที่ขัดหูขัดตาตลอดทั้งเกม ไม่ว่าจะเป็นจังหวะยิงที่ไร้พิษสง แถมยังพยายามแสดงความเป็นเจ้าเวหา ด้วยการโขกพังประตู ก็น่าจะดูผิดเวลาไปหน่อย

ลิเวอร์พูล

5. เกมรับจะทำให้ อาร์เซน่อล เป็น แชมป์พรีเมียร์ลีก ??? แน่นอนว่า อาร์เซน่อล เสียตำแหน่งจ่าฝูงไปให้ ลิเวอร์พูล แต่บอกได้เลยว่า ไม่ใช่ว่าทีมของอาร์เตต้า จะแผ่วลงเหมือนซีซั่นก่อน เนื่องจากบุกมาแบ่งแตกไปจากแมนซิตี้ เกมนี้บอกได้อย่างชัดเจนเลยว่า เดอะกันเนอร์ส มีแผงหลังหนา และที่สำคัญ อาร์เตต้า ให้สัมภาษณ์หลังจบเกมด้วยว่า พอใจกับผลการแข่งขันครั้งนี้ เพราะการบุกมาเยือน แมนซิตี้ โดยไม่เสียประตูเป็นเรื่องยาก และมันพิสูจน์ให้เห็นว่า แผงหลังของอาร์เซน่อลเอาอยู่จริง ๆ

ถึงตอนนี้ เดอะกันเนอร์สยังอป็นทีมในพรีเมียร์ลีก ที่เสียประตูน้อยที่สุดในซีซั่นนี้ 24 ประตู น้อยกว่าลิเวอร์พูล 3 ประตู และแมนซิตี้ 4 ประตู แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า พวกเขาตามหลัง ลิเวอร์พูล 2 แต้ม แล้วซึ่งถือว่าเป็นเรื่องเสียหาย อย่างไรก็ดี ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่กุนซือคนไหนจะพาทีมบุกมาเก็บ 3 แต้ม ที่เอติฮัด ได้ มันจึงทำให้ อาร์เตต้า แฮปปี้กับผลลัพท์ ซึ่งหมายความว่า พวกเขาคว้าคบีนชีตกับ แมนซิตี้ ในเกมลีกซีซั่นนี้ได้ทั้ง 2 นัด และเป็นทีมที่ 4 ในลีก ที่ไม่เสียประตูให้กับทีมของ วาร์ดิโอล่า ในซีซั่นเดียวกันทั้ง 2 นัดถัดจาก โบรุสเซีย

ขณะเดียวกัน แมนซิตี้ สอยตาข่ายเกมพรีเมียร์ลีก ที่เอติฮัด สเตเดี้ยม ไม่ได้เป็นเกมแรกนับตั้งแต่แพ้ คริสตัล พาเลซ 2:0 เมื่อเดือนตุลาคม 2021 ที่ผ่านมา โดยก่อนเจ๊ากับทีม ปืนใหญ่ ในเกมล่าสุด พวกเขาพังประตูเกมลีกนัดเหย้าได้ติดต่อกัน 47 นัด ด้วยเหตุนี้ บางทีอาร์เซน่อล อาจจะนึกถึงวลีเด็ดของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อดีตผู้จัดการทีม แมนยูที่ว่า “เกมรุกทำให้คุณชนะ แต่เกมรับจะทำให้คุณเป็นแชมป์” ได้เช่นกัน เพราะจากซีซั่นนี้ ทีมจากเมืองกรุงมีแผงหลังอย่างดี แต่ก็นั่นแหละ ถ้าอยากได้แชมป์ อาร์เซน่อล ก็ต้องลองถามใจ ลิเวอร์พูล ว่าพวกเขาจะยินดีที่จะยื่นตำแหน่งจ่าฝูงคืนให้รึป่าว

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ